วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ยินเพลง “ครวญ”คะนึง....นึกถึงฝั่ง


ครวญ

ยินเพลง ครวญคะนึง....นึกถึงฝั่ง
ริมสายชลเฉกหวัง...ตะวันส่อง
สาดกระทบกลบน้ำ....ฉ่ำเรืองรอง
กำมะหยี่ลิบหรี่ผ่อง....ผุดกลางชล

หลังตะวันชิงพลบ...สงบแสง
ฟ้าสีส้มอมแดง....แจ้งห้วงหน
เรือลำน้อยคอยนาน..ธารวกวน
จนฟ้ามืดจืดหม่น...คนเฝ้ารอ

แสงลิบหรี่ที่ดาว...พราวกระพริบ
เปรียบความฝันฝั่งไกลลิบ...ลับแล้วหนอ
กับความหวังดั่งดาวน้อย...น้ำตาคลอ
ห้วงฟากฟ้านภาขอ...ครวญกลับมา

ร่ำร้อง ครวญคะนึง...ถึงเสมอ
ว่ายังรอรับเธอ...ละเมอหา
ริมท่าน้ำฝั่งชล....จนตรึงตรา
ถึงคนดีที่จากลา...ว่ายังรอ

หทัยกาญจน์

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~~กลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ~~



~~กลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ~~

ถักร้อยกรอง คล้องคำ ลำนำสาส์น
ถักร้อยกานท์  กลสลัก ปักอักษร
ถักร้อยแก้ว แพรวพราว กล่าวสุนทร
ถักร้อยพจน์ บทกลอน กล่าวสุนทรีย์

*****เปรียบ*****

ร้อยมาลัย  รักเรียง เคียงภาษา
ร้อยมาลา  กุหลาบแซม แต้มแต่งสี
ร้อยมะลิ  ผลิศิลป์ รินวาที
ร้อยมาลี ผลิกวิน รินวาทะ
หทัยกาญจน์

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มองของฉัน


มองของฉัน

มองหนทางสรรค์สร้างวางแนวคิด
มองชีวิตชีวันอันสดศรี
มองโลกหล้าพื้นนภาปฐพี
มองมุมนี้ มองของฉันฝันงดงาม

มองเหตุการณ์,สถานการณ์ผ่านแปรเปลี่ยน
มองโศกเศร้าเฝ้าเวียนเพียรซักถาม
มองสัตว์โลก
สัจธรรมคำนิยาม
มองให้รู้ดู
ความ ธรรมดา

มองฟ้าหมองครอบครองจ้องทำร้าย
มองเกิดแก่เจ็บตายคล้ายห่วงหา
มองทุกข์นี้ที่มีสาส์นม่านน้ำตา
มองสะสมคมวิชาตำราเรา

มองเฉกเช่นบทเรียนเพียรสั่งสอน
มองไว้ย้อนอยากรู้เป็นครูเขา
มองให้เห็นเช่นความหวังครั้งวัยเยาว์
มองความเศร้าโศกา ว่า เรื่องจริง

หทัยกาญจน์

มองแบบครูคือบทเรียน

มองแบบครูคือบทเรียน


มองต้นไม้ใบหญ้า
มองธาราปลาแหวกว่าย
มองฝนหล่นพร่างพราย
มองถุงทรายชายระเบียง


มองนกที่ผกผิน
มองเครื่องบินยินแค่เสียง
มองเรือเอื้อสำเนียง
มองคนเถียงเคียง "ทะเลาะ"


มองควายชายถนน
มองคำบ่นคนติดเกาะ
มอง "ข้าวคราวจำเพาะ"
มองปากเปราะฉอเลาะกัน


มองมุงถุงยังชีพ
มองจับจีบกลีบเป็นชั้น
มองของกอง "แบ่งปัน"
มองโจษจันนั่น "น้ำใจ"


มองเสื้อเสื่อต่างสี
มองทีวีมีเรื่องใหญ่
มองย้อนละครไทย
มองเห็นไหม?ว่า "ไม่มี"


มองหลังครั้งวิบัติ
มองคลื่นซัดพัดทุกที่
มองแล้วแก้วว่าดี
มองชีวีนั้นมีธรรม


มองปลงคงดวงจิต
มองชีวิตคิดสูงต่ำ
มองเห็นเช่นเวรกรรม
มองเตือนย้ำจำจนตาย


มองฟ้าคราหลังฝน
มองยอดสนบนทางสาย
มองลมพัดห่มทราย
มองวัวควายชายไถ่นา


มองฉัน "สันติสุข"
มองปลอบปลุกไฟลุกจ้า
มองแสงแจ้งนัยน์ตา
มองปัญหาพาก้าวเดิน


มองนึกอนาคต
มองปรากฎบทสรรเสริญ
มองฝันนั่นจำเริญ
มองเพลิดเพลิน "เผชิญมัน"


มองว่าศรัทธาแกร่ง
มองเห็นแสงแจ้งสุขสันต์
มองเพ็ญเด่นคืนจันทร์
มองตะวันฉันว่า "ผ่าน"


มองจำธรรมชาติ
มองแล้ววาดปาดลงสาส์น
มองโลกโศกจรดจาร
มองวันวารจนวันนี้


มองไกลในโลกหล้า
มองนภาฟ้าเปลี่ยนสี
มองหมึกหม่นฤดี
มองว่ามีสีชมพู


มองรักประจักษ์แจ้ง
มอง "ฟ้าแดง " "ฟ้าเหลือง "อยู่
มองคำย้ำพรั่งพรู
"มองแบบครูคือบทเรียน"


หทัยกาญจน์
๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฉันนั่นเพ้อพล่ามเอง



ฉันนั่นเพ้อพล่ามเอง

สายลมห่มชื้นคืนหนาว                น้ำตาพร่างพราว
สีขาววาวอุ่นขุ่นตา

ไหลทิ้งดิ่งตรงลงมา                   ดวงจิตคิดหา
เริ่มชาเริ่มชินบินไป

ถ้อยคำนำเรียงเคียงใน         บทกลอนอ้อนใคร
คงไกลเกินกว่ามาพบ

วอนฝากสายลมข่มกลบ               เมื่อมีประสบ
คงจบพลัดพรากจากนาน

จิตตัดพ้อทรมาน                       จากบทจรดจาร
ร้าวร้านผ่านลอยตามลม

ฉันเองเวิ้งว้างช่างตรม         ทุกข์เศร้านอนซม
ระทมจมห้วงช่วงเหงา

ใครกันนั้นใครใจเรา                    ที่เพ้อพร่ำเอา
ถึงเขาเฝ้าเงียบเฉียบเย็น

ดึกดื่นคืนค่ำวันเพ็ญ                    เคยยินยลเห็น
ไม่เป็นเช่นอยู่คู่เคียง

ขอวอนฝากคำสำเนียง                  ร่ำร้องส่งเสียง
ร้อยเรียงถ้อยคำย้ำเธอ

ฝากวอนสายลมห่มเจอ                 บอกรักละเมอ
จากฉันนั่นเพ้อพล่ามเอง

หทัยกาญจน์

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผกผินบินเดียว

 
ผกผินบินเดียว

ผกผินบินเดียว...เทียวตามสาย
ลมพัดซัดหาย...คล้ายเคลื่อนคล้อย
กลางปีกฉีกกว้าง...ขวางลมลอย
นกเอยนกน้อย....หงอยลำพัง

อิสระเสรี...ที่ค้นหา
บินโบกโยกมา...นำพาหวัง
โฉบเฉียวเลี้ยวลด..หมดพลัง
ก้าวเข้ากงขัง...ชิงชังกาย

คราบินบินไกล...ในฟากฟ้า
อยู่บนนภา..หาความหมาย
สูงสุดจุดดาว..พราวพร่างพราย
มองจันทร์สลาย...กับสายตา

ยามเฉียวเลี้ยวลด..บทลงต่ำ
ถลายืนเหยียบย้ำ...น้ำค้างหญ้า
เกาะอิงกิ่งไม้...ไพรพนา
มองจ้องนภา...ลาจากจร

สุดท้ายปลายปีก...ฉีกขาดหวิ่น
ลงแอบแนบสินธุ์.....ถิ่นอักษร
เคยเดินเพลินเล่น...เช่นละคร
เหลือเพียงเสียงกลอน..ตอนเดียวดาย

หทัยกาญจน์

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระบายป้ายกานท์....สาส์นอักษร


ระบายป้ายกานท์....สาส์นอักษร

ระบายป้ายกานท์....สาส์นอักษร
จารจรดบทตอน....กลอนงามสม
ฉันลักษณ์หลักคำ...นำชิดชม
ภาษาอารมณ์.....คมจับจินต์

ระทมขมเศร้า..เหงาอกหัก
สมรสสมรัก...ทักทอศิลป์
ขีดวาดปาดฟ้า...มาจรดดิน
ศาสตร์ส่ายร่ายริน....กวินคำ

ต่างตนชนต่าง....พร่างพรมเขียน
หลายรสบทเรียน...เพียรจนค่ำ
กวีวจีขาน...กานท์ลำนำ
สำเนียงเสียงต่ำ...จำอ่านไป

สูงหนักชักเบา...เฝ้าบางช่วง
หลายหนกลลวง...ห่วงหลับใหล
หลากคำนำทัก....ประจักษ์ใจ
ยื้อแย้งแจ้งนัย..ถึงใครกัน

บางเอื้อยเฉื่อยหลับ..พับหลายตื่น
อรุณอุ่นพื้น...คืนสุขสันต์
ดารามากมาย...กระต่ายจันทร์
ต่างร่ำรำพัน...กันทุกครา

จิตนาพาที...กวีไซร้
ดำรงคงไว้...ในคุณค่า
กาพย์กานท์สาส์นคำ...ล้ำวิทยา
ศิลปะภาษา...ข้าเชื้อไทย

หทัยกาญจน์


รำพันรำพึง...ถึงลำพู


รำพันรำพึง...ถึงลำพู

รำพันรำพึง...ถึงลำพู
รากต้นทนอยู่...รู้เรืองแสง
ต้นเขียวเลี้ยวลด...บทจำแลง
คลับคล้ายแสดง....แจ้งความนัย

ค่ำคืนค่ำหนึ่ง..ซึ้งค่ำนั่น
หลากสีสุขสันต์....ฝันพร้อมใฝ่
งดงามท่ามกิ่ง...ทุกหิ้งใบ
หิ่งห้อยน้อยใช่!...ได้..โบยบิน

ถึงบางลำพู...พธูเจ้า
พี่มานั่งเศร้า...เล่าศาสตร์ศิลป์
แต่งแต้มแซมกลอน..อ้อนยุพิน
คิดถึงซึ้งจินต์...แถบ...ดิ้นตาย

น้ำริมปริ่มฝั่ง...ยังตลิ่ง
พธูยอดหญิง...ชิงลับหาย
หิ่งห้อยน้อยท่อง..ล่องเดียวดาย
คืนค่ำย่ำสาย...คล้ายมิพบ

เหลือเพียงแสงน้อย...ย้อยริบหรี่
ร้าวร้านฤดี..พี่ประสบ
ลำพู พธู...ผู้เคยคบ
เจ้าเลี่ยง...เยี่ยงหลบ...จบดั่งกานท์

หทัยกาญจน์
๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โลกเปลี่ยน สัตว์ "มนุษย์" เปลี่ยน


โลกเปลี่ยน สัตว์ "มนุษย์" เปลี่ยน

โลกาภิวัตน์.....ซัดความโศก
จากมนุษย์โลก...วิโยคเปลี่ยน
ขาวเห็นเป็นดำ...คำของเซียน
พลิกหัวคั่วเหรียญ...เวียนกลับกัน

เส้นผมปริ่มไหม...ใช่บังเขา
พ่อแก่แม่เฒ่า....ต่างเล่าฝัน
ในอดีตขีดเรื่อง...เฟื่องโจษจัน
แสนสุขทุกวัน...ฉันและเธอ

วันนี้ที่เห็น..เช่นที่ว่า
ค่ำคืนตื่นมา...น้ำตาเอ่อ
ไหลอาบทาบแก้ม...แซมละเมอ
ความดีที่เพ้อ....เห้อ “อะไร”

หลายสิ่งยิ่งหาย...คล้ายแตกหัก
คลื่นซ้ำกรรมปัก...เสาหลักใหญ่
เรือน้อยลอยลำ....กลางน้ำไกล
เปรียบชั่วมั่วไป....ในทะเล

น้ำซัดพัดเรือ...เชื่อว่าแตก
กราดเกรี้ยวเชี่ยวแหลก...แยกหักเห
นอนบนชลอ่าว...ราวตังเก
หนุ่มสาวสรวลเส...เซลงกอง

ความคิดจิตนี้..ที่แตกต่าง
เรือเดินเพลินทาง...ทะเลสอง
เปรียบชั่วมั่วถึง...ซึ่งน้ำนอง
เป็นบึงเป็นหนอง...คลองกระจาย

เผยแผ่แพร่พันธุ์...นั่นทั่วถิ่น
สัตว์ร้ายคล้ายกิน..หินสลาย
น้ำลดปลาหมด...อดเจียนตาย
น้ำมาปลาหาย...ตามสายธาร

สัตว์เอยที่เผย...เปรยเปรียบว่า
มนุษย์มนา....น่าประหาร
ความเลวผุดผ่อง...ส่องสันดาน
หมดหมึกผลึกจาร...ขานขับคำ

สุดท้ายหมายความ...ตามที่กล่าว
คนหนุ่มกลุ่มสาว...ราวเลื่อนล้ำ
น้ำเฉื้อยเอื้อยไหล...ใครที่นำ
กลับบ้านลานช้ำ...กลืนน้ำตา

ทะเลเปรียบชั่ว....ทั่วไพศาล
เรือน้อยลอยนาน...สาส์นห่วงหา
โลกเปลี่ยนสัตว์เปลี่ยน...เวียนหมุนมา
ความเลวชั่วช้า...ข้าทุกเอย.....

หทัยกาญจน์





โสด ฉบับจันทร์แรม



โสด ฉบับจันทร์แรม

ความโสดโดดเดียว...เปล่าเปลี่ยวร้าง
คืนค่ำน้ำค้าง...พร่างพรมหนาว
จันทร์เพ็ญเด่นงาม...ท่ามดวงดาว
ส่องแสงสกาว..พราวเรืองรอง

ชีวิตฉัน..นั้นเปรียบ...เทียบจันทร์แรม
ไร้แสงสาดแซม...แต้มผุดผ่อง
ไร้สีไร้สัน...อันน่ามอง
ลอยเลื่อนเคลื่อนล่อง..ท่องเดียวดาย

หทัยกาญจน์