วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เลือดเขา เลือดเรา


"เลือดเขา เลือดเรา"

สิทธิ เสรี มีแตกต่าง
สีสัน มันวาง สร้างฝันใฝ่
ลืมตัว ลืมตน คนอะไร
ถูกหลอก ลวงใช้ ใคร่เพราะเงิน

แบ่งแยก แหลกลาญ บ้านย่อยยับ
ผองชน คนกลับ รับสรรเสริญ
หลากหลาย คล้ายมอง ต้องเผชิญ
ชาติพันธุ์ ผิวเผิน ดำเนินตาม

มองเห็น เช่นรู้ ดูแล้วคิด
ใช่ไหม ในจิต สิทธ์ไถ่ถาม
อาจไม่ ใช่ไหม ใจติดตาม
นิยม นิยาม หา...ความจริง

เลือดเขา เลือดเรา เล่าว่าเลือด
เหลืองแดง แจ้งเดือด เฉือดทุกสิ่ง
ทุกหยาด ทุกหยด สดประวิง
ไหลวน จนดิ่ง ทิ้งเลื่อนลอย

หทัยกาญจน์
๓๐ พฤศจิกายน พ.ศศ.๒๕๕๔

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"..ขีด..คืน..ร้อย..เสียง..เรียง..รัก.."




..ขีด..คืน..ร้อย..เสียง..เรียง..รัก..

ในรำพึง หนึ่งยิ้ม พริ้มน้อมรับ
ในรำพัน ฝันกลับ ขับเช้าสาย
ขีด..บรรเลง เพลงพจน์
 รสเคียงกาย
ขีด..เรียงราย ร้อยบท
 รสเคียงกัน

ในคำคม ชมคำ ย้ำเคียงใกล้
ในคำครวญ ชวนใจ ใฝ่สุขสันต์
คืน..ค่ำหนึ่ง ซึ้งน้อง
 จ้องดวงจันทร์
คืน..ค่ำนั้น น้องมอง
 จ้องดวงใจ

ในความเดี่ยว โดดเด่น เห็นความคิด
ในความดาย คล้ายจิต ลิขิตใส่
ร้อย..สัมพันธ์ มั่นวาง
 สร้างสรรค์ไกล
ร้อย..สำเนียง เสียงไซร้
 สร้างสรรค์กานท์

ในคำกล ยลยิน ศิลป์แห่งศาสตร์
ในคำกลอน ย้อนวาด กระดาษสาส์น
เสียง..เศร้าสร้อย ถ้อยคำ
 จำจดจาร
เสียง..โศกหวาน วนล้ำ
 จำจดจินต์

ในความนี้ วจี ที่น้องกล่าว
ในความนัย น้องสาว ราวสุขศิลป์
เรียง..เฉกรัก ปักพ้น
 บนกวิน
เรียง..เช่นนก ผกผิน
 บนกวี

กลบท รสจัด กระหวัดร่าย
กลบาท วาดส่าย คล้ายสดศรี
รัก..ใดเอย เผยศิลป์
 รินวาที
รัก..วจี จดจินต์
 รินวาทะ

หทัยกาญจน์
๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔
 


กลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คือทรงจำจดงามท่ามอรุณฯ....


คือทรงจำจดงามท่ามอรุณฯ....

หลับตายิ้มพริ้มรับกลับความสุข
หลับตาปลอบตอบปลุกทุกข์สหาย
หลับตาหวานสาส์นคำย้ำเคียงกาย
หลับตาทีพี่ชายหมายมีเรา

หลับตาเถิดเปิดโลกโศกกว้างใหญ่
หลับตาลงปลงใจใช่..ถึงเขา
หลับตาแล้วแก้วกล้าข้าคือเงา
หลับตาผ่องของเจ้าเล่าแล้ว..ฟัง

หลับตานึกตรึกตรองมองถ้วนถี่
หลับตาจิตคิดดีที่ข้างหลัง
หลับตาหันพันแสงแจ้งประดัง
หลับตารู้ดูหวังยั่งหยัดยืน

หลับตามืดจืดสนิทมิตรสว่าง
หลับตาบนหนทางสร้างสุขชื่น
หลับตาสวยรวยรินศิลป์ค่ำคืน
หลับตามองต้องตื่นฟื้นในคำ

เปิดดวงตาตามอ่านกานท์เช้าสาย
ดวงจิตจะละลายร่ายงามขำ
ยิ้มจึงไหวใจจึงเปลี่ยนเขียนเรียงนำ
คือทรงจำจดงามท่ามอรุณฯ....

หทัยกาญจน์
๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ถวิลฝันอันตระการ


ถวิลฝันอันตระการ

เงาวูบวาบทาบแสงแจ้งสลัว
อาจดูมืดจืดมั่วทั่วเพราะเศร้า
ทุกชีวิตจิตหายหมายรวมเรา
พร้อมจะดับกลับเหงาเศร้าราตรี

ค่ำคืนนี้ที่เงียบเฉียบสงัด
เสียงลมเพเห่พัดซัดวิถี
ไฟระย้าระย้อยสร้อยสวยดี
ของถนนบนนี้ที่สะพาน

มีรถวิ่งชิงแข่งแย่งเส้นสาย
บ้างก็ฝ่าขวาซ้ายย้ายสุสาน
ชายหญิงดิ้นถวิลฝันอันตระการ
เหลือเพียง...เราเล่าผ่านม่านสายลม

น่านเท่าไหร่...ในค่ำน้ำค้างตื่น
ทุกคนดิ่งวิ่งครืนรื่นสู่สม
ฉันนั่งมองผองดาวพราวเชยชม
พร้อมกับข่มบ่มใจให้รับมัน

หากผ่องผุดหยุดคิดจิตระดะ
ทุกห้วงกาลผ่านปะทะขณะฝัน
อาจพ่ายแพ้แท้ใจของใครกัน
หรือชนะจิตนั้นฝันของเรา..

หทัยกาญจน์
๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

มาถึงพ่อ คนดี เธอ....มีเรา


"มาถึงพ่อ คนดี เธอ....มีเรา"

ที่สุดท้าย ปลายฟ้า พาเราพบ
แผ่นดินกลบ เกลื่อนหน้า ข้า....สับสน
แผ่นน้ำกั้น สั่นสะท้าน ผ่านกลอนกล
แผ่นจิตต่าง สร้างตน จนหวั่นใจ

หากหลับตา ข้าลง ตรงริมฝั่ง
มีความฝัน ฝากหวัง ดั่งเขาใหญ่
มีความรัก ปักผ่าน กานท์หทัย
มีความสุข สดใส ให้มิเลือน

ข้าสับสน ด้นกลอน อ้อนพินิจ
ตราบดวงจิต บรรจง จนบทเคลื่อน
ตราบห่วงหา อาทร ย้อนวันเดือน
ตราบคือเธอ เสมอเพื่อน เยือน...ไมตรี

ข้าคือมิตร จิตวาง สร้างสรรค์สุข
มาปลอบปลุก ประโลม โหมสุขี
มาขีดพจน์ รสดึก ตรึกกวี
มาถึงพ่อ คนดี เธอ....มีเรา

แสนเดียวดาย ภายหน้า สโมสร
จงเขียนกลอน กลบท จดขุนเขา
จงขีดเมฆ เสกดิน สินธุ์ธารเงา
จงวาดเหงา เศร้าโศก ในโลกกานท์

หทัยกาญจน์
๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

“ละครชีวิต”


“ละครชีวิต”

ละครโรงใหญ่....ในโลกหล้า
ใต้พื้นพสุธา...ข้าอาศัย
ทั้งชั่วมั่วดี....มีถ่มไป
อาจร้องร่ำไห้...ในห้วงกรรม

ละครย้อนตน...จนชวนคิด
ชีวันชีวิต...จิตสูงต่ำ
บางหลงบางลืม...ดื่มศีลธรรม
กินเหล้าแทนน้ำ...กระทำมา

ละครสอนดี...ลีลาเด่น
ลอกเลียนเล่นเป็น...เห็นปั้นหน้า
จดจำนำแสดง...แสร้งกายา
ติดจิตติดตา..พาติดตัว

ละครตอนจบ..พบลำแสง
อาจดำจำแลง...แดงสลัว
บ้างลึกบ้างล้ำ...ถ้ำมืดมัว
ตามดีตามชั่ว...ตัวของเรา

ละครกลอนนี้...ที่กล่าวสาส์น
ผลึกตรึกจาร..กานท์เยี่ยงเขา
คือละครพจน์...บทนึกเอา
มีทุกข์สุขเศร้า...เหงาหลั่งริน

หากเปรียบละคร..สะท้อนคำ
ดั่งนกระบำ...จำผกผิน
โบกโบยโปรยปราย....ลวดลายบิน
อาจลืมธารสินธุ์...ดินผืนเดิม

ละครชีวิต...สิทธิ์แตกต่าง
หมั่นสรรค์หมั่นสร้าง...ทางส่งเสริม
เวทีดีเด่น...เป็นต่อเติม
ทำดีพูนเพิ่ม..ริ่เริ่มกัน

ความคิดผลิบาน...เบิกปัญญา
ชีวิตชีวา....พาสุขสันต์
เล่นดีมีคม...ชมรางวัล
สุดท้ายปลายนั้น..ฝันสิ่งใด???   

หทัยกาญจน์
๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

***ดวงจันทร์ ดวงดาว วันเดียวดาย***



***ดวงจันทร์ ดวงดาว วันเดียวดาย***

ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยเด่น......เห็นอร่าม
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยงาม......ท่ามเวหา
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยหว่าง......กลางนภา
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยลา......ข้าหรือไร

ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยพรุ่ง......รุ่งคืนแรม
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยแย้ม......มิแจ่มใส
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยเหงา......ร้าวทรวงใน
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยใจ......ใคร่ครวญลา

ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยเปลี่ยว......เดียวโดดเด่น
ดวงจันทร์เอ๋ย......เผยเร้น......เช่นเมฆหนา
ดวงดาวเอ๋ย......เผยกล่าว......มิพราวตา
ดวงดาวเอ๋ย......เผยมา......เมฆาคอย

ดวงดาวเอ๋ย......เผยลบ......กลบกลายเกลื่อน
ดวงดาวเอ๋ย......เผยเดือน......เลื่อนเศร้าสร้อย
ดวงดาวเอ๋ย......เผยยิ่ง......สิ่งเล็กน้อย
ดวงดาวเอ๋ย......เผยหงอย......ไร้รอยจันทร์

ดวงดาวเอ๋ย......เผยเพื่อน......พร่าเลือนหาย
ดวงดาวเอ๋ย......เผยคล้าย......ตายจากฝัน
ดวงดาวเอ๋ย......เผยเหงา......เศร้าเหมือนกัน
ดวงดาวเอ๋ย......เผยนั้น......วันเดียวดาย

หทัยกาญจน์
๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

***คิดถึง "กระทงดอกไม้"***


           ***คิดถึง "กระทงดอกไม้"***

คิดถึงซึ่ง,กระทง,ปีกลาย
เพื่อนหญิงเพื่อนชาย
ร่วมลอยเรียงรายริมคลอง

เพ็ญเดือนสิบสอง,น้ำนอง
เต็มตลิ่ง,บึงหนอง
แม่น้ำหลักรอง ล่อง,กระทง

ปีนี้,น้ำมาก,น้ำทรง
น้ำมายืนยง
ดำรงคงอยู่คู่นาน

กระทง,ขอขมา,สายธาร
นับแต่โบราณ
ในอดีตกาลก่อนเก่า

ปู่ย่าตายายต่างเล่า
เรื่องราวนานเนา
จุดธูปเทียนเผาเพื่อใคร

แสงพลุเรืองรองวิไล
สีสันไสว
ส่องคุ้งแควไกล, ใกล้ฝั่ง

กระทงดอกไม้ความหวัง
ขอพรพลัง
ขอขมา,ข้าพลั้ง,ผิดไป

พระแม่คงคานั้นไซร้
ประชา,ทุกข์ใจ
โปรดให้อภัยในกรรม

บางสิ่งล่วงเกินเพลินทำ
ไม่รู้สูงต่ำ
ดีชั่วถลำทำมา

ปีนี้น้ำนองครองนา
เต็มทุก,ตารางวา
พระแม่คงคาบันดล

วิงวอนขอพรสายชล
แหล่งน้ำทุกหน
ที่ท่วมล้นพ้นเอ่อนอง

จงไหลลงสู่,ทะเลทอง
มหาสมุทรสอง
ที่เคยเคียงครองคู่สม

ประเพณีเก่า,ที่นิยม
ประชาเคยชม
ร่วมสืบร่วมสานนานวัน

กระทงวิจิตร...มหัศจรรย์
จับจีบกลีบชั้น
พิถีพิถันฉันคอย

กระทงปีกลายแช่มช้อย
เพื่อนหญิงชายปล่อย
กระทงล่องลอยตามธาร

ขอพระแม่คงคา,บันดาล
กระทงกลอนกานท์
ลูกช้างวางสาส์นสืบคำ

ขอพรดังกลอนลำนำ
ทุกบทจดจำ
ข้าจะกระทำสิ่ง,ดีงาม

หทัยกาญจน์
๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รำพึงใจ ในค่ำคืน



รำพึงใจ ในค่ำคืน

“แสงจันทร์ พลันกระจ่าง อยู่กลางหาว
ทาบทาทอง ผ่องสกาว พราวแดนสรวง
นวลเรืองเด่น เพ็ญอร่าม งามแดดวง
ดั่งน้ำเงิน คือน้ำยวง ช่วงราตรี

แสงดาว ดวงระยิบ ระยับฉาย
ขาวดั่งเพชร เกร็ดพราย หลายหลากสี
ดวงใหญ่น้อย คล้อยเคลื่อน เลื่อนจรลี
ดาวประจำ ค่ำนี้ ที่เรืองรอง

แสงไฟ ฟ้าถนน ทุกหนแห่ง
ขาวเขียวส้ม อมแดง แจ้งสาดส่อง
หลายสีสัน พันงาม ยามเหม่อมอง
ทั้งทางหลัก ทางรอง ผ่องค่ำคืน

แสงชีวี ชีวิต จิตสีขาว
ดั่งดารา ดวงดาว พราวฟ้าตื่น
ข้างจันทร์นวล ชวนจันทร์เด่น เพ็ญยั่งยืน
ล้วนปลอบปลุก ลุกคนฟื้น ชื่นกมล

สายลม ห่มละลิ่ว พลิ้วไสว
เสียงลมเอื่อย เฉื่อยไหล ในห้วงหน
จรดแผ่นดิน สินธุ์ธาร ผ่านสายชล
ทุกทิศทั่ว หัวตำบล ชนสุขจินต์

สายน้ำ ฉ่ำเยือกเย็น เห็นพิสุทธิ์
ขาวประดุจ ดั่งบทเพลง บรรเลงศิลป์
ร่ายทำนอง ใส่คำร้อง ลั่นยลยิน
หยดน้ำใส ส่ายริน  กวินคำ

สายใย ใจเกี่ยวดอง ดั่งผองเพื่อน
คล้ายมิ่งมิตร สถิตเคลื่อน เลื่อนงามขำ
ฟ้าลิขิต จิตพันผูก ปลูกทรงจำ
ดั่งนบน้อม พร้อมทำ จึงนำมา

สายสัมพันธ์ มั่นในรัก สมัครสมาน
ดั่งพี่น้อง ผองกานท์ สาส์นภาษา
รักในถิ่น ศิลปะ อักษรา
เรียงร้อยพจน์ รสวาจา มาเพื่อคุณ

ว่าแสงใด ไฉนเลย เอยว่าเหงา
มี
แสงจันทร์ พันแสงดาว พราวเกื้อหนุน
แสงชีวี สีไฟแรง แจ้งละมุน
ส่องสาดเจ้า ราวอบอุ่น อิ่มเอิบใจ

ว่าสายใด ไฉนพัด ซัดพลิ้วผ่าน
ดั่ง
สายลม ห่มสายธาร ขับขานให้
สายสัมพันธ์ มั่นคงรัก ทักสายใย
จดบทจาร กานท์หทัย ให้ขวัญเอยฯ

หทัยกาญจน์

ปล. กลอนบทนี้แต่งต่อ With Love

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กาสะลองพฤศจิกา


"กาสะลองพฤศจิกา"

แสงสีเหลืองเรืองรอง...ของอรุณ
ตะวันออกแดดอุ่น...ละมุนหวาน
กาสะลองบิดพลิ้ว...ปลิวร่วงบาน
ดอกสีขาวพราวจาร...ผ่านตามลม

สายลมเอื้อยเฉื่อยเย็น....เด่นพิสุทธิ์
ดอกปีบโปรยประดุจ...ดาวผสม
ผลิร่วงบานลานดิน...สินธุ์น่าชม
ฤดูหนาวน่าภิรมย์...กมลจินต์

ความทรงจำจิตนี้...ที่แห่งหนึ่ง
ริมแม่ปิงอิงแอบซึ้ง...คะนึงถิ่น
ดอกปีบโปรยโรยร่วง...พ่วงระริน
ลงในห้วงธาราสินธุ์....บินโบกลง

ความคิดถึงจึงจด...บทกลอนกานท์
 ฝากปีบแย้มแซมบาน...สื่อสารส่ง
ช่อดอกไม้ไพรงาม...นามยืนยง
“กาสะลอง”ปลิวเยี่ยงหงส์...ตรงข้างเธอ

ทุกฤดูรู้เวียน...หมุนเปลี่ยนผ่าน
ตามเวลาห้วงกาล...ขานเสนอ
กาสะลองพฤศจิกา....คราพบเจอ
จึงโรยร่วงห่วงละเมอ...เพ้อถึงกัน

หทัยกาญจน์